กลับสู่หน้าก่อน

ใช้เวลาอ่านประมาณ 7 นาที

ลูกพัฒนาการช้ารู้ได้อย่างไร

By แพทย์หญิงนพวรรณ ศรีวงศ์พานิช |Thailand |26 เมษายน 2023

สาระน่ารู้
blog-images

ลูกพัฒนาการช้ารู้ได้อย่างไร

ลูกเป็นเด็กสมาธิสั้นหรือไม่คุณพ่อคุณแม่บางท่านอาจจะรู้สึกว่าลูกซนมาก สงสัยว่าลูกจะเป็นเด็กสมาธิสั้นหรือไม่ แล้วเด็กสมาธิสั้นเป็นอย่างไรโดยทั่วไปอาการของเด็กสมาธิสั้นมักเริ่มเมื่ออายุ 2-3 ปี แต่คุณพ่อคุณแม่มักจะพาลูกมาพบแพทย์เมื่อเด็กเข้าโรงเรียนแล้วคืออายุระหว่าง 5-10 ปี   

เด็กสมาธิสั้นพบบ่อยแค่ไหน

ถ้าห้องเรียนมีเด็กนักเรียน 50 คน จะพบเด็กสมาธิสั้นได้ 2-3 คน พบในเด็กผู้ชายบ่อยกว่าเด็กผู้หญิง  ลักษณะของเด็กสมาธิสั้นเป็นอย่างไร

  • ขาดสมาธิ ไม่สามารถจดจ่อกับกิจกรรม เหม่อลอย ขี้ลืม ทำของหายบ่อยๆ ทำงานไม่เสร็จ ไม่มีระเบียบ วอกแวกง่าย ไม่สนใจหรือไม่ฟังเวลามีคนพูดด้วย

  • ซน ไม่นิ่ง นั่งไม่ติดที่ ชอบลุกเดินไปมา พูดเก่ง พูดไม่หยุด เด็กเล็กจะวิ่งไปมา ชอบปีนป่ายตลอด เล่นแรง เล่นได้ตลอดเวลาเหมือนเครื่องยนต์ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เด็กโตจะยุกยิก ขยับไปมา

  • หุนหันพลันแล่น หงุดหงิด กระวนกระวาย รอคอยไม่ได้ ควบคุมอารมณ์ไม่ค่อยได้ อารมณ์แปรปรวน เปลี่ยนแปลงง่าย พูดแทรกบ่อยๆ

blog-images

ปัญหาที่อาจพบร่วมด้วยในเด็กสมาธิสั้น

  • ปัญหาการเรียน มีผลการเรียนต่ำ

  • โรคแอลดี (LD) หรือบกพร่องในทักษะการเรียน มีปัญหาการอ่าน ความเข้าใจ การเขียนหรือการคิดคำนวณ

  • ปัญหาพฤติกรรมดื้อ ต่อต้าน ไม่ทำตามคำสั่ง เกเร ชอบรังแกเพื่อน

  • โรคกล้ามเนื้อกระตุก (Tics)อาจเติบโตเป็นวัยรุ่นที่เกเร เป็นผู้ใหญ่ที่มีบุคลิกภาพต่อต้านสังคม เสี่ยงต่อการใช้สารเสพติด

โรคสมาธิสั้นเกิดได้อย่างไร

โรคนี้เกิดจากสมองส่วนหน้าที่ควบคุมการมีสมาธิจดจ่อและการยังยั้งชั่งใจทำงานผิดปกติ ซึ่งอาจเป็นผลจากพันธุกรรม มีพ่อหรือแม่เป็นโรคสมาธิสั้น สมองได้รับความกระทบกระเทือนในระยะแรกๆของชีวิต โดยเฉพาะในระหว่างคลอด แม่ที่สูบบุหรี่หรือดื่มสุราในระหว่างตั้งครรภ์ เด็กที่คลอดก่อนกำหนด น้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่าปกติ ขาดออกซิเจนแรกเกิด ได้รับสารพิษ เช่น ตะกั่ว สาร organophosphate ทำให้สมองส่วนหน้าพัฒนาไม่สมบูรณ์ มีสารสื่อประสาทในสมองที่เกี่ยวข้องกับการทำงานดังกล่าวต่ำกว่าปกติ

ถ้าลูกเป็นโรคสมาธิสั้นแล้วจะรักษาอย่างไร

  • การรักษาโรคนี้ต้องอาศัยความร่วมมือจากคุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครอง คุณครูและตัวเด็ก จึงจะได้ผลดี การรักษาที่สำคัญประกอบด้วยการใช้ยา และการปรับพฤติกรรม/สิ่งแวดล้อม 

  • การใช้ยา เพื่อกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีสมาธิเพิ่มขึ้นโดยการปรับระดับสารสื่อประสาทให้สมดุล ซึ่งมีหลายชนิด แพทย์จะพิจารณาการใช้ยาให้เหมาะสมกับเด็กร่วมกับคุณพ่อคุณแม่หรือ ผู้ปกครอง

  • การปรับพฤติกรรม/สิ่งแวดล้อม

  • ตั้งกฎกติกาและสื่อสารกับลูกให้ชัดเจน ด้านการเรียน การทำการบ้าน งานที่ต้องรับผิดชอบ จำกัดเวลาในการใช้จอสื่อ เช่น โทรศัพท์มือถือ โทรทัศน์ แท็บเล็ต

  • จัดตารางเวลา แบ่งขั้นตอนการทำงานเป็นขั้นตอนย่อยๆ ให้เด็กทำทีละขั้น

  • จัดที่นั่งแถวหน้า ใกล้คุณครู ไม่นั่งใกล้ประตูหรือหน้าต่าง  จัดการสอนเป็นช่วงสั้นๆ ให้เด็กช่วยคุณครูแจกสมุด เขียนหรือลบกระดาน ให้เวลาในการทำงานมากกว่าเด็กคนอื่น

  • จัดโต๊ะทำการบ้าน ทบทวนบทเรียนที่บ้านที่สงบ ไม่มีสิ่งรบกวนเพื่อเสริมให้เด็กมีสมาธิ 

  • ให้รางวัลหรือชมเชยเมื่อเด็กทำงานได้สำเร็จเพื่อเป็นแรงเสริมให้เด็กมีความภูมิใจและอยากทำงานอีก

  • เพื่อนที่โรงเรียนควรช่วยเหลือเด็กสมาธิสั้นโดย เข้าใจ ไม่ล้อเลียน คอยเตือนเมื่อถึงเวลารับประทานยา เมื่อวอกแวกหรือเหม่อลอย ช่วยเหลือด้านการเรียน การทำงานกลุ่มหรือการบ้าน

  • คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเป็นโรคสมาธิสั้นควรเข้าใจว่าลูกไม่ได้แกล้งหรือขี้เกียจ ควรยอมรับและพยายามช่วยเหลือลูก ไม่ลงโทษรุนแรง หากคุณพ่อคุณแม่สงสัยว่าลูกเป็นโรคสมาธิสั้นควรพาลูกมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจประเมินวินิจฉัยและรับการบำบัดรักษาต่อไป

หากลูกมีพัฒนาการที่ช้า จะสามารถฝึกทักษะทางด้านภาษาได้อย่างไร 

อย่างที่เราทราบกันดีว่าในปัจจุบันการพูดได้แค่ 1-2 ภาษาอาจจะไม่เพียงพอแล้วในยุคนี้ ผู้ปกครองหลายท่านจึงต้องหันมาใส่ใจ ปั้นลูกให้กลายเป็นเด็ก 3 ภาษาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่หากลูกเป็นคนที่มีพัฒนาการช้า การจะป้อนความรู้ให้เค้าซึมซับกับบทเรียน จนนำไปสู่การพัฒนาทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียนในการเรียนรู้ภาษาอย่างไรให้สมบูรณ์แบบ คำตอบก็คือผู้ปกครองต้องเลือกคอร์สเรียนภาษา ที่เป็นการเรียนการสอนแบบ Story-Based learning ไม่ใช่เป็นแบบทั่วๆ ไปที่เป็น topic-based learningเพราะการเรียนการสอนผ่านเรื่องราว จะทำให้เด็กๆ สามารถซึมซับ และโฟกัสกับบทเรียนได้ตลอดคลาส รวมไปถึงการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ ยังกระตุ้นให้เด็กๆ สามารถจำสิ่งที่เรียนรู้มาได้ดีขึ้น ซึ่งบรรยากาศคลาสเรียนของ LingoAceคือการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ที่เด็กๆ จะได้เจอในชีวิตประจำวัน เสมือนได้ใช้งานจริงอยู่เสมอ 

การเรียนการสอนในคอร์สภาษาอังกฤษสำหรับเด็กและคอร์สเรียนภาษาจีนสำหรับเด็กของ LingoAceในทุกๆ บทเรียนจะเป็นการเรียนผ่าน “เรื่องราว”ให้เด็กๆ ได้สนุกสนานไปกับการติดตามเรื่องราวผจญภัยของตัวละครต่างๆ หรือแม้แต่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยทำภาระกิจของตัวละครให้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งแตกต่างจากการสอนแบบ Topic based learning ที่การเรียนรู้จะผูกกับหัวข้อที่เรียนในแต่ละครั้งแต่ไม่ได้สร้าความต่อเนื่องของบทเรียนในแต่ละบทและไม่ได้ทำให้เด็กๆ รู้สึกอยากติดตาม 

 

และสำหรับเด็กๆ ที่มีพัฒนาการเรียนรู้ที่ช้า สิ่งสำคัญคือสภาพแวดล้อมการเรียนรู้ภาษาในห้องเรียน ที่สอนโดยครูเจ้าของภาษาและเรียนรู้จากหลักสูตรที่พัฒนามาเพื่อเด็กโดยเฉพาะ โดยคลาสเรียนที่ LingoAceเรามีการสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนได้ไปเรียนที่ประเทศเจ้าของภาษาจริงๆ ช่วยให้เด็กๆ สามารถเรียนรู้ผ่านการซึมซับภาษาด้วยความเข้าใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ  

 

LingoAceคือสถาบันสอนภาษาที่แข็งแกร่งที่เข้าใจว่าเด็กๆ ล้วนมีพื้นฐานและข้อจำกัดในการเรียนรู้ที่ต่างกัน เราจึงออกแบบและพัฒนาบทเรียน เพื่อให้ตอบโจทย์ในความต้องการที่หลากหลาย และพร้อมร่วมทลายกำแพงภาษาของเด็กๆ และมอบทักษะทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน เพื่อปั้นลูกรักของคุณให้กลายเป็นเด็ก 3 ภาษาได้อย่างสมบูรณ์แบบ 

 

บทความโดย  พญ.นพวรรณ ศรีวงค์พานิชโรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ 

กุรมารแพทย์ เฉพาะทางพัฒนาการและพฤติกรรม โรงพยาบาลพริ๊นซ์ สุวรรณภูมิ